การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์และการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
กรณีศึกษา ค้างคาวเล็บกุด
กรณีศึกษา ค้างคาวเล็บกุด
คันธรัตน์ เพ็ชรมุณี
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบูรณาการระหว่างศาสตร์ 3 ด้าน
ได้แก่ ชีววิทยาของค้างคาว การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ และการสร้างกระบวนการเรียนรู้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินมูลค่าของค้างคาวเล็บกุดด้านการใช้ประโยชน์ ( use value ) โดยเน้นเพาะมูลค่าการผสมพันธุ์พืชและปุ๋ยมูลค้างคาว ที่พบในถ้ำในเขตจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล 2) สร้างประบวนการเรียนรู้เรื่องค้างคาวให้กับกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยอยู่ใกล้กับถิ่นที่อยู่ของค้างคาวเล็บกุด โดยอาศัยข้อมูลด้านชีววิทยาของค้างคาวและการประเมินมูลค่างทางเศรษฐศาสตร์
และศึกษาผลการสร้างกระบวนการเรียนรู้
การศึกษาด้านชีววิทยาของค้างคาว ทำโดยการค้นคว้าหนังสือ ตำรา เอกสาร งานวิจัย วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ และอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการวางแผนการดำเนินการกำหนดขอบเขตในการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ การศึกษาด้านการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ประเมินผลประโยชน์ของค้างคาวเล็บกุดในประเด็นหลัก
2 ประเด็น ได้แก่ การผสมพันธุ์พืชและปุ๋ยมูลค้างคาว โดยใช้วิธีราคาตลาด ในประเด็นการผสมพันธุ์พืชศึกษามูลค่าการช่วยผสมพันธุ์พืช
2 ชนิด คือ ทุเรียนและสะตอ ในประเด็นของปุ๋ยมูลค้างคาวศึกษามูลค่าปุ๋ยมูลค้างคาวของค้างคาวเล็บกุดที่สะสมภายในถ้ำ และการศึกษาด้ายการสร้างกระบวนการเรียนรู้ เน้นการให้ความรู้ด้านความสำคัญของค้างคาวต่อระบบนิเวศและมูลค่าของค้างคาวที่มีต่อเศรษฐกิจ
ผลการวิจัยด้านการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์
พบว่า ในปี
2550 มูลค่าในการผสมพันธุ์พืชในรัศมีหากินของค้างคาวเล็บกุด
8,806.97 ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ 129 ตำบลใน 25 อำเภอของจังหวัดสงขลา สตูล และพัทลุง มีมูลค่าทั้งหมด 434,846,824.71 บาท แบ่งเป็นมูลค่าการผสมพันธุ์ทุเรียน
347,881,423 บาท และมูลค่าการผสมพันธุ์สะตอมูลค่า
86,965,401.71 บาท และมีมูลค่าของปุ๋ยมูลค้างคาว 65,700 –
164,250 บาท
ผลการวิจัยด้านการสร้างกระบวนการเรียนรู้
พบว่า ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจก่อนและหลังแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
0.05 แสดงว่ากระบวนการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับค้างคาวเพิ่มขึ้น ด้านเจตคติ ผู้เข้าร่วมมีเจตคติที่ดีต่อค้างคาว
คือ เจตคติหลังการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
0.05 และในการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมที่มีต่อภาพรวมของกระบวนการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น